รูปแบบการพัฒนาการเรียนการสอน Addie Model
1. ขั้นการวิเคราะห์ (Analysis)
1.1 กำหนดหัวข้อเรื่อง “ การหารจำนวนเต็มและทศนิยม ”
1.2 วิเคราะห์ผู้เรียน
กลุ่มเป้าหมาย
:
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ลักษณะกลุ่มเป้าหมาย
: ไม่ค่อยเข้าใจในการเรียนเรื่อง การหาร อาทิ
หารเศษส่วน หารทศนิยม เพราะเป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อน ชอบสื่อการสอนที่เป็นแบบภาพเคลื่อนไหว
ชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์แต่ว่าวิชานี้เป็นวิชาที่ต้องทำความเข้าเป็นอย่างดี
เพราะเรื่องต่างๆจะมีความซับซ้อนในตัวของมันเอง ฯลฯ
ทัศนคติเรื่องที่สอน
:
นักเรียนชั้นม.1มีความคิดเห็นว่าวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่
ยาก ซับซ้อน โดยเฉพาะเรื่องการหาร เนื่องจากตัวเลขที่ทำการหารนั้นมีความยุ่งยาก และมีจำนวนมากทำให้ยากต่อการหาคำตอบ
อีกทั้งนักเรียนยังไม่ค่อยมีทักษะในการหารมากนัก จึงทำให้การเรียนการสอนไม่ประสบผลสำเร็จ
1.3 สื่อการสอนที่มีใช้ในโรงเรียน
- บทเรียนสำเร็จรูป(เอกสาร)
- สื่อการเรียนรู้ในรูปแบบCD
- นวัตกรรม การใช้ชุดแบบฝึก ซึ่งเป็นเกมส์เพื่อฝึกทักษะกระบวนการคิด
- ให้นักเรียนฝึกออกแบบวงเวียนไม้บรรทัด ในGHT เป็นโปรแกรมออกแบบ
- ชุดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
- การบวก ลบ
คูณ หาร จำนวนเต็ม
- การหาปริมาตร
- ความน่าจะเป็น
- กราฟ
1.4 ปัญหาและสาเหตุ
-
ขาดสื่อ ICT
-
ประเมินโรงเรียนด้านการเรียนการสอนในรายวิชาคณิตศาสตร์ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
-
ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มีจำนวนจำกัด
-
ตัวนักเรียนไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยากและซับซ้อน
-
ทางโรงเรียนลดชั่วโมงการเรียนการสอนจาก
4 เป็น 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำให้เวลาเรียนมีไม่พอสำหรับการทำกิจกรรม
-
เป็นโรงเรียนที่มีขนาดเล็ก เด็กนักเรียนส่วนใหญ่มีฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจนนักเรียน
-
ไม่ชอบ “การหารเศษส่วนและทศนิยม” รวมถึงไม่ชำนาญใน “การหารจำนวนวนเต็มและเลขยกกำลัง”
-
นวัตกรรมที่มีใช้ในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นเอกสาร
2. ขั้นการออกแบบ (Design)
2.1 จุดประสงค์การเรียนรู้
1.
เพื่อพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาคณิตศาสตร์
เรื่องการหารจำนวนเต็ม และทศนิยม
2.
เพื่อเปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนสำหรับเด็กชั้นม.1ที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
3.
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่องการหารสำหรับชั้นม.1ที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
2.2 กำหนดเครื่องมือวัดประเมินผล แบบฝึกหัด เนื้อหา วางแผนการสอน สื่อการสอน
2.3 ขั้นออกแบบจอภาพ
1.
กำหนดความละเอียดภาพ
2.
หาพื้นที่แต่ละหน้าจอภาพในการนำเสนอ
3.
การเลือกรูปแบบ(font)และขนาด
4.
การกำหนดสีการกำหนดส่วนอื่นๆ
ที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้บทเรียน
2.4 วางแผนการสอน
v จำแนกเอกสารของการออกแบบการสอนให้เป็นหมวดหมู่
ทั้งด้านเทคนิคยุทธวิธีในการออกแบบการสอนและสื่อ
v กำหนดยุทธศาสตร์การเรียนการสอนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่คาดหวังในแต่ละกลุ่ม
v สร้างสื่อต้นแบบ
3. ขั้นการพัฒนา (Develop)
3.1 การเตรียมการ
1)
เตรียมข้อความหรือเนื้อหาที่ใช้ในการทำบทเรียนคอมพิวเตอร์
2)
เตรียมภาพที่เกี่ยวข้องกับบทเรียนและสร้างสรรค์ความคิดเตรียมเสียงที่เกี่ยวข้องและตรงกับConcept
3)
เตรียมโปรแกรมจัดการบทเรียนAuthorware
7
4)
เตรียมโปรแกรม Paint เพื่อตกแต่งข้อความ
3.2 การสร้างบทเรียน
3.3 การสร้างเอกสารประกอบการเรียน
4. ขั้นการนำไปใช้ (Implementation)
จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือการนำส่งการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ขั้นตอนนี้จะต้องให้การส่งเสริมความเข้าใจของผู้เรียนในปัจจัยต่างๆ
สนับสนุนการเรียนของผู้เรียนในวัตถุประสงค์ต่างๆ และ
เป็นหลักประกันในการถ่ายโอนความรู้ของผู้เรียนจากสภาพแวดล้อมการเรียนไปยังการงานได้ เป็นการนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ไปใช้
โดยใช้กับกลุ่มตัวอย่าง
เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของบทเรียนในขั้นต้น
5. ขั้นการประเมินผล (Evaluation)
โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็น
2
กลุ่ม เรียนด้วยบทเรียน ที่สร้างขึ้น 1 กลุ่ม
และเรียนด้วยการสอนปกติอีก 1 กลุ่ม
หลังจากนั้นจึงให้ผู้เรียนทั้งสองกลุ่ม ทำแบบทดสอบชุดเดียวกัน และแปลผลคะแนนที่ได้
สรุปเป็นประสิทธิภาพของบทเรียน
และประสิทธิผลของการสอน
ทฤษฎีที่ใช้ (Gagne’s Instructional Model)
ขั้นที่ 1 การกระตุ้นและดึงดูดความสนใจของผู้เรียน
เป็นการช่วยให้ผู้เรียนสามารถรับสิ่งเร้า หรือสิ่งที่จะเรียนรู้ได้ดีขั้นที่ 2 การแจ้งวัตถุประสงค์ของการเรียนให้ผู้เรียนทราบ เป็นการช่วยให้ผู้เรียนได้รับรู้ความคาดหวัง
ขั้นที่ 3 การกระตุ้นให้ระลึกถึงความรู้เดิม เป็นการช่วยให้ผู้เรียนดึงข้อมูลเดิมที่อยู่ในหน่วยความจำระยะยาวให้มาอยู่ในหน่วยความจำเพื่อใช้งาน(working memory) ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความพร้อมในการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม
ขั้นที่ 4 การนำเสนอสิ่งเร้าหรือเนื้อหาสาระใหม่ ผู้สอนควรจะจัดสิ่งเร้าให้ผู้เรียนเห็นความสำคัญของสิ่งเร้านั้นอย่างชัดเจน เพื่อความสะดวกในการเลือกรับรู้ของผู้เรียน
ขั้นที่ 5 การให้แนวการเรียนรู้ หรือการจัดระบบข้อมูลให้มีความหมาย เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจกับสาระที่เรียนได้ง่ายและเร็วขึ้น
ขั้นที่ 6 การกระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความสามารถ เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสตอบสนองต่อสิ่งเร้าหรือสาระที่เรียน ซึ่งจะช่วยให้ทราบถึงการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน
ขั้นที่ 7 การให้ข้อมูลป้อนกลับ เป็นการให้การเสริมแรงแก่ผู้เรียน และข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้เรียน
ขั้นที่ 8 การประเมินผลการแสดงออกของผู้เรียน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนทราบว่าตนเองสามารถบรรลุวัตถุประสงค์มากน้อยเพียงใด
ขั้นที่ 9 การส่งเสริมความคงทนและการถ่ายโอนการเรียนรู้ โดยการให้โอกาสผู้เรียนได้มีการฝึกฝนอย่างพอเพียงและในสถานการณ์ที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น และสามารถถ่ายโอนการเรียนรู้ไปสู่สถานการณ์อื่น ๆ ได้


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น